
เป็นภาษาที่ใช้วรรณศิลป์ทั้งด้านการใช้คำและก่อให้เกิดจินตภาพเป็นอย่างดี มีเนื้อหาที่ควรค่าต่อการจดจำของคนไทยตั้งแต่อดีตมาจนถึงปัจจุบัน ดังนั้นเราก็ควรที่จะรู้ไว้เพื่อจะได้เป็นผู้ที่มีความตระหนักและเห็นคุณค่าของภาษาไทยและวรรณคดี (วรรณกรรม) ไทยของเรา
วรรคทอง นั้น ตามความหมายที่ได้ศึกษามาแต่วัยเยาว์ เพื่อเป็นการประมวลความรู้ของตนเอง ในโอกาสนี้จึงขอให้ความหมายของคำว่าวรรคทองโดยนิยามด้วยตนเอง วรรคทอง คือ คำประพันธ์บางส่วนหรือบางบทที่มีคุณค่าต่อจิตใจของหมู่ชน ชวนให้จดจำ เป็นบทที่กินใจ ด้วยคำประพันธ์ดังกล่าวนั้นมีการเรียงร้อยคำที่ไพเราะ อีกทั้งให้พลังในด้านความรู้สึกที่ชัดเจนและสะเทือนอารมณ์ก่อให้เกิดจินตภาพ (ภาพที่เกิดจากความนึกคิดหรือที่คิดว่าควรจะเป็นเช่นนั้น หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ภาพลักษณ์ ) “จินตภาพ” หรือ “ภาพลักษณ์” นี้ ตามความหมายในพจนานุกรมไทยมีความหมายตรงกับคำที่บัญญัติศัพท์มาจากภาษาอังกฤษคือ คำว่า “image”
คำว่า “ทอง” เปรียบได้กับสิ่งที่มีคุณค่าแห่งจิตใจ ทองหากเทียบกับเงินแล้วย่อมมีพลังในด้านราคามากกว่า แต่ในด้านวรรณกรรมเราจะไปใช้กับราคาก็ไม่เหมาะ เพราะเงินไม่สามารถซื้อทุกสิ่งทุกอย่างได้เสมอไป
วันนี้เก็บ"วรรคทอง" ในวรรณคดีที่อ่านจากหนังสือเล่มต่าง ๆ มาฝากกันค่ะ
เกิดมาต้องร่าเริงเข้าไว้ จะบูดบึ้งทำไมไม่สดชื่น
หัวเราะเป็นเล่นหรือจริงยิ่งครึกครื้น อายุยืนหมื่นปีดีไหมล่ะ?
เวทีโลกโชคเราเข้ามาเล่น ต้องรำเต้นเต้นรำตามจังหวะ
ควรถี่ห่างอย่างไรไว้ระยะ จะเป็นพระหรือนางอย่างเดียวกัน
ในโลกนี้มีทั้งสุขสนุก ค้นไม่พบต้องทุกข์เป็นแม่นมั่น
ทิ้งอบอุ่นวุ่นหาแต่หนาวนั้น โทษใครนั่นขอได้โปรดโทษตนเอง
คนหน้าเศร้าคือเขาดื่มยาพิษ ทอนอายุเป็นนิจไม่เหมาะเหมง
คนสำราญเบิกบานใจครื้นเครง เขาปลั่งเปล่งลิ้มรส "อมฤต"
"ครูเทพ"
(โคลงกลอนของครูเทพ)